ในการตรวจรับบ้านหรือคอนโดฯ ไม่เพียงแต่จะเป็นการตรวจสอบความเรียบร้อยถูกต้องของงานก่อสร้างตกแต่ง แต่ยังมีเรื่องสำคัญอีกอย่าง นั่นคือ การตรวจสอบขนาด-พื้นที่ โดยเฉพาะคอนโดฯซึ่งเป็นการขาย “ตามพื้นที่ใช้สอย”เป็นตารางเมตร เรื่องการวัดพื้นที่อาจต้องซีเรียส เพราะขนาดพื้นที่ใช้สอยที่ใหญ่ขึ้นหรือเล็กลง มีผลต่อราคาซึ่งอาจเพิ่มขึ้นหรือลงลดได้ ซึ่งต่างกับการซื้อบ้านจัดสรร ส่วนใหญ่เป็นการซื้อขายทั้งตึก(บ้านพร้อมที่ดิน) เรื่องการวัดพื้นที่จะไม่ค่อยซีเรียส
การวัดพื้นที่ใช้สอยของอาคารที่ถูกต้อง จะอ้างอิงตามพระราชบัญญัติอาคารชุด พ.ศ. ๒๕๒๒ ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติอาคารชุด (ฉบับที่๔) ๒๕๕๑ และอ้างอิงถึงระเบียบกรมที่ดินว่าด้วยอาคารชุด พ.ศ. ๒๕๕๔ ซึ่งอาจจะสรุปง่ายๆ ดังนี้
@พื้นที่นั้นต้องไม่คิดส่วนที่เป็นโครงสร้างรวมของอาคาร
@พื้นที่นั้นต้องไม่รวมส่วนที่อาคารต้องใช้ร่วมกันเช่น ช่องท่อเป็นต้น
@วัดพื้นที่ผนังภายนอกเพียงครึ่งเดียวของผนัง
@วัดพื้นที่ถึงกึ่งกลางผนัง กรณีที่เป็นยูนิตติดกัน
@วัดพื้นที่กินผนังทั้งหมด กรณีที่ผนังติดกับทางเดินส่วนกลาง
@ผนังรับน้ำหนัก (wall bearing) ถือเป็นเสาหรือโครงสร้างอาคารทั้งหมด ...ห้ามขาย
@โถงทางเข้ายูนิต ถ้าแสดงวัสดุหรือขอบเขตชัดเจน วัดเป็นพื้นที่ขายได้
@ที่วางคอนเดนซิ่งแอร์ ถ้าแสดงขอบเขตชัดเจน ถือเป็นพื้นที่ขายได้
@ที่จอดรถ อาจถือเป็นสิทธิส่วนตัวของยูนิต
ในความเป็นจริง “หลายโครงการมักทำสัญญาผูกมัดว่า กรณีพื้นที่เพิ่มหรือลด ผู้ซื้อก็ต้องรับไปและจ่ายราคาเพิ่มหรือลดตามสัดส่วนจากที่ตกลงกัน” ตรงนี้ต้องดูให้ดีผู้ซื้ออาจเสียเปรียบ เพราะอาจจะมีพื้นที่เพิ่มเกิน 5% ก็ต้องจำรับไปเพราะตกลงกันแล้ว มิเช่นนั้นจะกลายเป็นว่าผิดสัญญา
อย่างไรก็ตามแม้สัญญาจะระบุไว้แล้วว่าต้องรับไปหากมีลดหรือเพิ่ม แต่ถ้าพื้นที่มีการเพิ่มขึ้นเกินกว่าที่ยอมรับได้โดยที่เรารู้พื้นที่ก่อนทำสัญญาตั้งแต่แรก เราก็ไม่มีทางซื้อ ซึ่งมีข้อกำหนดของกฏหมายตามบทบัญญัติของประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 466
สรุปง่ายๆ หากพื้นที่ตามสัญญาขายที่ตกลงกัน ไม่ตรงกับพื้นที่จริงตามโฉนด เกินร้อยละ 5 ของพื้นที่ห้องชุด ผู้ซื้อซึ่งวางเงินดาวน์ไปแล้ว เมื่อถึงวันโอน พื้นที่ผิดไปจากที่ตกลงเกินร้อยละ 5สามารถปฏิเสธหรือไม่รับโอนได้
ที่มา : http://www.home.co.th/
ที่มา : http://www.home.co.th/
0 ความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น