วันพฤหัสบดีที่ 2 กรกฎาคม พ.ศ. 2558


ประเภทของ Wallpaper

วอลเปเปอร์ แบ่งออกเป็น 6 ชนิดตาม วัสดุที่นำมาทำวอลเปเปอร์ ดังนี้
1. วอลเปเปอร์กระดาษ ทำจากกระดาษมีเนื้อหนาน้อยกว่าวอลเปเปอร์ชนิดอื่นๆ ติดง่าย สะดวก มีลวดลายและสีสันให้เลือกเยอะ แต่มีปัญหาในการทำความสะอาด เพราะกระดาษซับน้ำได้ง่าย จึงควรเลือกแบบที่เคลือบไวนิลด้วย เพื่อให้ทำความสะอาดง่าย ไม่ดูดซับน้ำ
2. วอลเปเปอร์ผ้า ทำจากผ้าซึ่งจะให้ความรู้สึกและผิวสัมผัสที่อ่อนนุ่ม  เวลาสัมผัสรู้สึกถึงความละเอียดของเนื้อผ้า  เหมาะกับห้องที่ไม่พลุกพล่าน อาจเป็นผ้าไหม ผ้าลินิน หรืออื่นๆ เคลือบอยู่บนชั้นกระดาษ วอลเปเปอร์ผ้าใช้ได้ดีกับผนังห้องที่มีผิวไม่เรียบ แต่จะมีราคาแพงและทำความสะอาดยาก  แต่จะมีความคงทนสูงไม่ฉีกขาดง่าย
3. วอลเปเปอร์ไวนิล ( vinyl wallpaper )  เป็นชนิดที่นิยมใช้มากที่สุด  สามารถสร้างลวดลาย หรือสามารถกำหนดควาทมลึก ตื้นของลายได้  และที่สำคัญจะไม่มีปัญหาเรื่องความเปียกชื้น คราบน้ำมัน และคราบฝุ่นเกาะ และทำความสะอาดง่าย เพียงใช้ฟองน้ำชุบน้ำสบู่เช็ด คราบเลอะๆก็จะหมดไป นอกจากนี้ไวนิลยังมีความทนทาน จึงเหมาะกับบริเวณที่ต้องใช้งานมาก
4. วอลเปเปอร์แผ่นฟอยล์ ทำจากฟอยล์มีลักษณะเป็นมันเงา วอลเปเปอร์ชนิดนี้จึงให้อารมณ์หรูหรา เหมาะกับพื้นที่เล็ก ๆ เพราะมีราคาแพง ไม่ทนทาน และติดยาก
5. วอลเปเปอร์เส้นใยสังเคราะห์  (non-woven wallpaper) มีลักษณะคล้ายผ้า มีความทนทานสูง มีความเหนียวฉีกขาดยาก ติดง่าย และสามารถลอกออก ได้  สามารถใช้ได้กับผนังและเพดาน มีส่วนช่วยป้องกันความร้อน   แต่ไม่ควรติดในห้องน้ำและห้องครัว เนื่องจากเป็นห้องที่มีความชื้นสูง อาจทำให้วอลเปเปอร์หลุดร่อนหรือขึ้นราได้
6. วอลเปเปอร์เนื้อโฟม เนื้อวอลเปเปอร์จะหนาและมีลายนูนออกมา ให้ความรู้สึกอ่อนนุ่มเวลาสัมผัส นิยมใช้ติดเพดานเพราะจะช่วยเก็บรอยต่อ หรือรอยฉาบที่ไม่เรียบ   และยังมีคุณสมบัติช่วยเก็บเสียงในระดับนึง

วิธีการเลือกวอลเปเปอร์

หลังจากรู้จักกับประเภทของวอลเปเปอร์ ต่างๆกันแล้ว สิ่งสำคัญต่อไปซึ่งอาจจะถือได้ว่าเป็นสิ่งสำคัญที่สุดก็คือการเลือก สีและลวดลายเนื่องจากการตกแต่งบ้านด้วยวอลเปเปอร์ อาจทำห้องเล็กให้ดูกว้างขึ้น ห้องใหญ่ให้ดูแคบลง หรือ ทำให้ห้องดูสว่างขึ้นได้ มาเริ่มกันเลยกับเกร็ดความรู้เรื่องการเลือกสีและลวดลายของวอลเปเปอร์ให้เหมาะกับห้องแต่ละห้อง
1. การเลือกโทนสีของวอลเปเปอร์ ให้เหมาะสมกับขนาดห้อง  โทนสีเข้มจะทำให้รู้สึกว่าห้องมีขนาดเล็กกว่าปกติ  โทนสีอ่อนจะทำให้รู้สึกว่าห้องมีขนาดใหญ่กว่าปกติ ดังนั้นห้องที่มีขนาดใหญ่ก็สามารถเลือกได้ทั้งสีเข้ม และสีอ่อน  หรือจะใช้ทั้งสองสี โดยเลือกสีเข้มเป็นบางด้านของผนังเพื่อสร้างความโดดเด่นให้กับผนังด้านนั้น  ส่วนห้องที่มีขนาดเล็กก็ควรเลือกโทนสีที่สว่างห้องจะได้ดูไม่อึดอัด
2. เลือกขนาดของลายให้มีความเหมาะสมกับขนาดของห้องหากเป็นห้องเล็กๆไม่ควรเลือกลายที่ใหญ่เกินไปเพราะให้รู้สึกอึดอัด 
ห้องมีแสงสว่างมากควรหลีกเลี่ยงวอลเปเปอร์ที่มีสีสันลวดลายเรียบหรือสีอ่อนมาก เพราะจะทำให้มองเห็นลาย หรือโทนสีไม่ชัด
3. ส่วนห้องเด็กควรเลือกชนิดที่เป็นกระดาษที่เคลือบผิวด้วยพี.วี.ซี. เพราะว่าจะมีความคงทน และมีลวดลายให้เลือกหลากหลายแบบเพื่อเสริมสร้างการจินตนาการของเด็กๆ  และที่สำคัญจะทำความสะอาดได้ง่ายจากร่องรอยการขีดเขียน 
4. การเลือกวอลเปเปอร์ของแต่ละห้องหากเลือกให้แตกต่างกันหรือต่างสไตล์ก็ไม่ผิด แต่กลับทำให้บ้านไม่หน้าเบื่ออีกด้วย แค่ข้อควรระวังคือ ไม่ให้ลายวอลเปเปอร์โดดเด่นไม่เข้ากับสไตล์เฟอร์นิเจอร์ หรือลายของหน้าต่างในแต่ละห้องก็พอ
5. อายุการใช้งานของวอลเปเปอร์ จะอยู่ประมาณ 7-15  ปี ขึ้นอยู่กับคุณภาพวัสดุของวอลเปเปอร์  และการดูแลรักษา

การดูแลและทำความสะอาดวอลเปเปอร์

1.หมั่นทำความสะอาดบริเวณผิวหน้าของวอลล์เปเปอร์โดยใช้แปรงขนไก่ปัดฝุ่น
2. ถ้าบริเวณขอบริมผนังวอลล์เปเปอร์หลุดร่อน ให้ใช้กาวลาเท็กซ์ทาที่ผนังแล้วกดวอลล์เปเปอร์ให้แนบสนิทกับผนัง ส่วนที่มีกาวเลอะออกมาใช้ผ้าสะอาดชุบน้ำ เช็ดทำความสะอาด ใช้ผ้าแห้งที่สะอาดเช็ดอีกครั้ง
3.หากวอลล์เปเปอร์ฉีกขาด รือเป็นรอยชำรุดได้ สามารถซ่อมแซมด้วยเศษวอลล์ที่เหลือมาซ่อมปิดบริเวณที่ชำรุด เพื่อหยุดรอยชำรุดไม่ให้ขยายวงกว้างขึ้น พราะฉะนั้นเเศษวอล์เปเปอร์ที่เหลือเวลาติดกรุณาเก็บไว้อย่าทิ้ง 4.วอลปเปอร์แบบที่ล้างไม่ได้ให้ใช้น้ำยาทำความสะอาดแบบเฉพาะซึ่งหาซื้อได้จากร้านขายวอลเปเปอร์ เลือกน้ำยาที่ใช้สารที่เหมาะสมกับพื้นผิววอลเปเปอร์ แต่ควรทดสอบก่อนการใช้ทำความสะอาดจริง โดยให้ลบรอยเปื้อนออกตามทิศทางเดียวกับการติดวอลเปเปอร์ 5.วอลเปเปอร์แบบที่ล้างได้ให้ใช้ผ้าหรือฟองน้ำชุบน้ำยาล้างผนังหมาด ๆ เช็ดเบา ๆ ที่รอยเปื้อน แล้วใช้ผ้าเนื้อนุ่มเช็ดซ้ำอีกครั้งก่อนจะปล่อยให้ผนังแห้งสนิท 6.หลีกเลี่ยงอย่าให้วอลเปเปอร์โดนแสงแดดโดยตรงเป็นเวลานาน ๆ เพราะจะทำให้สีของวอลเปเปอร์ซีดจางได้ และควรป้องกันอย่าให้เกิดความชื้นเป็นเวลานานเพราะอาจเกิดเชื้อราขึ้นได้



0 ความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น