"กรมธนารักษ์
เตรียมประกาศราคาที่ดินปี 2559 - 2562 ใหม่
พบราคาประเมินที่ดินใหม่ทั่วประเทศเพิ่มขึ้นเฉลี่ย 25% จ.น่านเพิ่มเฉลี่ย
111% พื้นที่ กทม. ปรับขึ้น 15%
สีลมสูงสุดตารางวาละ 1 ล้านบาท เตรียมประกาศใช้ 1 ม.ค. 59 - ธ.ค. 62“
"กรมธนารักษ์กำลังเร่งประเมินราคาที่ดินระยะ
4 ปีรอบใหม่ โดยประกาศใช้ตั้งแต่1ม.ค. 2559-31ธ.ค.2562
โดยราคาประเมินใหม่จะเป็นเกณฑ์ที่กระทบต่อการพัฒนาตลาดสังหาริมทรัพย์งานสัมมนาทิศทางตลาดที่อยู่อาศัยกรุงเทพฯ
และปริมณฑล จัดโดยศูนย์ข้อมูลอสังหาริมทรัพย์นายเอกวัฒน์ มานะแก้ว
รองอธิบดีกรมธนารักษ์กล่าวในหัวข้อ ราคาประเมินทุนทรัพย์ที่ดินรอบใหม่
ปี2559-2562ว่าราคาที่ดินทั่วประเทศที่ประเมินใหม่ปรับขึ้นเฉลี่ย 25% โดยกรุงเทพฯ
ปรับขึ้นเฉลี่ย15% แนวรถไฟฟ้าปรับขึ้นเฉลี่ย 75%
ส่วนเขตเศรษฐกิจพิเศษปรับขึ้นเฉลี่ย 40-50%ทั้งนี้เมื่อแยกเป็นรายพื้นที่
โดยเฉพาะในกรุงเทพฯ เขตพระขโนงราคาเพิ่มเฉลี่ย 33.54% เขตจตุจักรเพิ่มเฉลี่ย
20.75% เขตบางกะปิเพิ่มเฉลี่ย 27.73% เขตลาดพร้าวเพิ่มเฉลี่ย 25.60%
เขตลาดกระบังเพิ่มเฉลี่ย 22.63% เขตประเวศเพิ่มเฉลี่ย 21.93%
เขตมีนบุรีเพิ่มเฉลี่ย 21.43%โดยราคาที่ดินที่เพิ่มขึ้นเฉลี่ยในแต่ละเขต
พบว่าเขตมีนบุรีเพิ่ม21.43% เขตบางเขน19.85% เขตบึงกุ่ม19.21%
เขตบางขุนเทียน10.83% เขตธนบุรี7.35% เขตบางกอกน้อย6.87% เขตหนองจอก6.19%
เขตหนองแขม4.76% เขตดอนเมือง4.52%
และเขตห้วยขวาง1.04%
นายเอกวัฒน์กล่าวว่าพื้นที่แนวรถไฟฟ้าสายสีเขียวอ่อน ราคาเดิม
1-1.5 แสนบาทต่อตรว. เพิ่มเป็น 2.8 แสนบาทต่อตรว. ราคาเฉลี่ยอยู่ที่ 2.15
แสนบาทต่อตรว. รถไฟฟ้าสายสีเขียวเข้มราชดำริ-สีลม ราคาเดิม 7.5 แสนบาทต่อตรว.เป็น
9 แสนบาทต่อตรว. ราคาเฉลี่ยที่ 8.5 แสนบาทต่อตรว. รถไฟฟ้าสายสีน้ำเงินช่วงจรัญสนิทวงศ์-เพชรเกษม-ประชาราษฎร์
ราคาเดิม 1.5 แสนบาทต่อตรว.เป็น 1.9 แสนบาทต่อตรว. ราคาเฉลี่ย 1.7
แสนบาทต่อตรว.ส่วนแนวรถไฟฟ้าสายสีม่วง กรุงเทพฯ-นนทบุรี ราคาเดิม 2.15
แสนบาทต่อตรว. เป็น 2.4 แสนบาทต่อตรว.เฉลี่ยที่ 2.27 แสนบาทต่อตรว.
รถไฟฟ้าชานเมืองสายสีแดงเข้มราคาเดิม 1.2 แสนบาทต่อตรว. เป็น 2.2 แสนบาทต่อตรว.
ราคาเฉลี่ยที่ 1.7 แสนบาทต่อตรว.นายเอกวัฒน์
กล่าวว่าในพื้นที่ต่างจังหวัดโดยภาคกลาง จ.นครสวรรค์ ราคาเพิ่มเฉลี่ย 21%
จากราคาสูงสุดเดิม 1.05 แสนบาทต่อตรว. เป็น 1.2 แสนบาทต่อตรว. จ.พิษณุโลก
เพิ่มเฉลี่ยในรายพื้นที่ 51% แต่ราคาประเมินพื้นที่สูงสุดอยู่ในระดับเดิมที่ 8
หมื่นบาทต่อตรว
.ขณะที่พื้นที่ภาคเหนือที่จ.เชียงใหม่ เพิ่มขึ้นเฉลี่ย
6.71%จ.น่านเพิ่มเฉลี่ย 111% จากราคาสูงสุดเดิม 4.5 หมื่นบาทต่อตรว.เป็น 8.5
หมื่นบาทต่อตรว.สำหรับพื้นที่ภาคอีสาน จ.ขอนแก่นราคาเพิ่มขึ้นเฉลี่ย 28.53%
ราคาสูงสุดไม่เปลี่ยนแปลงที่ 2 แสนบาทต่อตรว. จ.อุดรธานีเพิ่มขึ้น 14.81%
จากราคาสูงสุดเดิม 1.5 แสนบาทต่อตรว.เป็น 1.8
แสนบาทต่อตรว.ขณะที่จ.หนองคายเพิ่มเฉลี่ย 37.71%พื้นที่ภาคตะวันออก
จ.ชลบุรีราคาเพิ่มเฉลี่ย 35% จากราคาสูงสุดเดิม 1.5 แสนบาทต่อตรว.เป็น 2.2
แสนบาทต่อตรว.ส่วนพื้นที่ภาคใต้ จ.สงขลา เพิ่มเฉลี่ย 35%
ราคาสูงสุดไม่เปลี่ยนแปลงที่ 4
แสนบาทต่อตรว.
สำหรับเขตเศรษฐกิจพิเศษอย่างจ.มุกดาหารเพิ่มเฉลี่ย 38.12% จ.สงขลา
เพิ่มเฉลี่ย 35% จ.หนองคายเพิ่มเฉลี่ย 37.17% จ.ตากเพิ่มเฉลี่ย 42.65% จ.สระแก้วเพิ่มเฉลี่ย
24% ส่วนจ.ตราด ราคายังไม่สรุปราคาที่ดินที่เพิ่มขึ้นเป็นไปตามนายสัมมา คีตสิน
ผู้อำนวยการศูนย์ข้อมูลอสังหาริมทรัพย์ กล่าวว่า
จากการที่ภาครัฐออกมาตรการกระตุ้นอสังหาฯถือเป็นสิ่งที่ดี
เพราะภาคอสังหาฯเมื่อมีการซื้อขายแล้ว จะเกิดประโยชน์ต่อธุรกิจต่อเนื่อง
ทำให้เกิดตัวทวีคูณ 3-4 เท่ามาตรการดังกล่าวจะยังไม่มีผลต่อภาพรวมอสังหาฯปีนี้
เนื่องจากพึ่งออกมาตรการและมีผลช่วง 2-3 เดือนนี้เท่านั้น
แต่จะเห็นผลของมาตรการในช่วงไตรมาสแรกปีหน้า จนถึงเดือนเมย.2559ที่ผ่านมาตลอดช่วง
10 เดือน นายสัมมา ยอมรับว่าตลาดอสังหาฯอยู่ในภาวะชะลอตัว
เนื่องจากผู้บริโภคขาดความมั่นใจ
แต่ก็มีความเป็นไปได้ว่าที่ทั้งปีตลาดอสังหาฯน่าจะเติบโตได้
10%นายสัมมายอมรับว่ามาตรการกระตุ้นอสังหาฯที่รัฐบาลออกมา ถือว่ามีเจตนาที่ดี
แต่หากมองในมุมผู้บริโภคบ้านหลังแรกจริงๆจะมีไม่มาก ถ้าเป็นการซื้อคอนโดมิเนียม
จะมีคนซื้อจริง 60% ส่วนที่เหลือเป็นนักลงทุนเก็งกำไรและใน 60%
ของผู้ซื้อจริงมีเพียง 30%
ที่เป็นผู้ซื้อบ้านหลังแรกคาดรัฐไม่ต้องการให้เกิดภาวะฟองสบู่คิดว่าภาครัฐคงต้องการกระตุ้นอสังหาฯในระดับหนึ่งเท่านั้น
ไม่ต้องการให้ตลาดเกิดภาวะเฟื่องฟูมากไป เพราะตลาดที่อยู่อาศัยควรเติบโตอย่างมั่นคงส่วนราคาที่อยู่อาศัยที่ผ่านมา
ราคาคอนโดมิเนียมปรับขึ้นเฉลี่ย 4.8% ทาวน์เฮาส์ เพิ่ม 4% บ้านเดี่ยวเพิ่ม 3%
โดยธรรมชาติแล้ว ราคาคอนโดมิเนียมจะเพิ่มมาก ส่วนคอนโดมิเนียมราคาต่ำกว่า 3
ล้านบาท ราคาจะเพิ่มขึ้นไม่มาก เพราะซัพพลายมีมาก ผู้บริโภคยังมีโอกาสซื้อได้
เพียงแต่ต้องไม่กระโดดเข้าหามาตรการนี้
แต่ต้องพิจารณาถึงความสามารถในการชำระหนี้ของตัวเองผมมองว่าโครงการนี้ไม่เหมือนรถคันแรกผู้ซื้อน่าจะชั่งใจบ้าง
แนะนำว่า ผู้ซื้อไม่ควรเร่งโอน แต่ขอให้ตรวจสอบคุณภาพบ้านให้ดีก่อน"
ที่มา : Nation TV
http://www.nationtv.tv/main/content/economy-business/378476158/
0 ความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น